Horizon Line หนังแนวทริลเลอร์ ที่ใช้การแสดงในพื้นที่แคปๆ โดยในเรื่องนี้ได้ใช้พื้นที่บนเครื่องบินเล็ก กับคู่รัก ด้วยตัวละครที่น้อย แต่ไม่ได้ทำให้หนังดูน่าเบื่อ ด้วยตัวเรื่องของหนังเองมีฉากที่ต้องให้เอาตัวรอดมากมาย ที่จะทำให้ท่านตื่นเต้น จากวิกฤติเหนือพื้นโลกกว่าพันฟุต ถือว่าเป็นอีกเรื่องน่าดูส่งท้านปีเลยทีเดียว
โดยภายในหนังจะเล่าถึง ซารา (แอลลิสัน วิลเลียมส์) สาวเมืองลอนดอนที่ต้องเดินทางไปงานแต่งงานของเพื่อนสาวแต่คืนก่อนวันงานนางดันไปแวะไปซั่ม แจ็กสัน (อเล็กซานเดอร์เดร์ยมอน) หนุ่มหล่อนักดำน้ำที่นางเคยเทเมื่อปีกลายและแน่นอนว่าทั้งคู่ไปไม่ทันเรือเที่ยวสุดท้ายจนตัดสินใจจ้างเครื่องบินของ ไวแมน (คีธ เดวิด) ที่เคยสอนซาราให้ขับเครื่องบิน แต่แล้วความซวยก็มาถึงเมื่ออยู่ดี ๆ ไวแมนเกิดหัวใจวายตาย งานนี้ซาราและแจ็กสันต้องเลิกทะเลาะกันเพื่อนำเครื่องบินลงจอดให้ได้
แน่นอนว่าพลอตแบบนี้ เล่นกับสถานการณ์คับขันในที่เดียวแบบนี้หลานคนคงนึกถึงหนังอย่าง shallows หนังฉลามที่เดินเรื่องอยู่ในทะเลที่เดียวและตัวละครรายเดียวซึ่งไม่น่าแปลกใจเพราะหนังได้ ฆัวเม่ คอลเลต-เซอร์รา ผู้กำกับจากหนังที่ว่ามานั่งแท่นผู้อำนวยการสร้างบริหารของหนังนั่นเอง แล้วให้ มิคาเอล มาร์กซิแมง ผู้กำกับชาวสวีเดนที่มักมีแต่ผลงานซีรีส์ในบ้านเกิดมาชิมลางงานหนังสไตล์ฮอลลีวูดดูบ้าง
ยอมรับว่าดูแว่บแรกนึกถึงหนังโรแมนติกผจญภัยอย่าง six days seven nights (1998) ที่เคยขายเสน่ห์ของแฮริสัน ฟอร์ด กับความเซ็กซี่ของแอนน์ เอช แต่กับ Horizon Line ด้วยความที่หนังตั้งใจไปขายพลอตสุดโต่งอย่างการเอาตัวรอดบนเครื่องบินที่คนขับตาย สุดท้ายไอ้ประเด็นที่หนังพยายามปูตอนต้นร่วม 20 นาทีอันว่าด้วยความสัมพันธ์ของซารากับแจ็กสันดูเหมือนส่วนเกินไปอย่างน่าเสียดาย
เหตุเพราะบทหนังแทบไม่ได้ให้เหตุผลอะไรที่เราจะต้องร่วมลุ้นไปกับตัวละครเลยแม้ว่าจะนำแสดงโดยนักแสดงหน้าตาดีแต่กลับขาดเสน่ห์ไปซะอย่างงั้น ที่น่าเสียดายที่สุดคือแอลลิสัน วิลเลียมส์ ที่เคยแสดงเป็นแฟนสาวผิวขาวสุดหลอนของพระเอกใน Get Out ที่คราวนี้มารับบทนำเป็นสาวชีพจรลงเท้ากลัวความสัมพันธ์แต่แทนที่หนังจะไปเน้นที่ปมจิตวิทยาว่านอกจากรักงานแล้วเธอมีเหตุผลอะไรอีกหรือเปล่าที่ทำให้ไม่สามารถมีความสัมพันธ์ที่ดีได้ แต่หนังกลับให้เธอแค่ไปตี๊ดชิ่งฟันแล้วหนีแถมยังแสดงกิริยาน่ารำคาญแทบทั้งเรื่องจนเรายากที่จะเอาใจช่วย
ส่วน อเล็กซานเดอร์ เดร์ยมอน หนุ่มหล่อที่มาเล่นเป็นแจ๊กสันก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากโดนแก้ผ้าและถูกเอารัดเอาเปรียบ ทำหน้างอนเป็นตูดแล้วจบด้วยหน้ามึน เบลอ ๆ แฮง ๆ ทั้งเรื่องจนอดอุทานไม่ได้ว่าถ้าลำบากนักก็ไม่ต้องแสดงก็ได้นะ หากใครไม่เชื่อไปพิสูจน์ได้นะครับยกระดับจากซังกะตายไปสู่หล่อตายซากได้ทั้งเรื่องเลย
แต่กระนั้นส่วนดีของหนังที่เราไม่พูดถึงไม่ได้คงเป็นลำดับการใส่อุปสรรคให้ตัวเอกเนี่ยละครับ เพราะเอาจริง ๆ พอหนังเข้าโหมดที่ตัวละครต้องเอาตัวรอดอันนี้ถือว่าหนังพอจะแก้ตัวเรื่องนักแสดงนำขาดเสน่ห์หรือปูตัวละครได้ไม่ดีเท่าที่ควรแบบเอาตัวรอดได้แบบเฉียด ๆ เลยคือถึงแม้ลีลาการเล่าเรื่องจะไม่ได้ใหม่มากมีแอบลอกหนังเกรดบีแบบ Turbulence (1997) มานิด ๆ แต่ยอมรับว่ามันก็ยังพอให้ลุ้นได้เบา ๆ ครับแม้สเปเชียลเอฟเฟกต์อาจยังดูไม่เนียนนักเมื่อเทียบกับหนังที่ทุนสร้างสูงกว่านี้