Extreme Job ถือเป็นหนังอีกเรื่อง ที่สามารถเรียกเสียงตลก และฉากมันๆ ได้ในเวลาเดียวกัน จัดว่าเป็นหนังอีกเรื่อง ที่คู่ควรกับการดูอย่างแท้จริง โดยในเรื่องนี้ จะเป็นราวเกี่ยวกับ ตำรวจกลุ่มหนึ่ง ที่ต้องการที่จะสร้างชื่อ และผลงาน เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไปบ้างไปติดตามกันได้เลย
เชื่อว่ากันว่าคนเรามักจะทำงานที่ตัวเองรักได้ดีกว่าหน้าที่ที่ต้องทำเสมอ แต่สงสัยคำพูดเหล่านี้คงใช้ไม่ได้กับกลุ่มตำรวจสายกากกลุ่มหนึ่งที่มีสมาชิกทีมอยู่ตั้ง 5 คน แต่ไม่เคยปิดคดีเด็ดๆ ได้เลยสักครั้ง นี่จึงเป็นโอกาสสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะโดนพับโครงการ กับปฏิบัติการซุ่มจับเจ้าพ่อแก๊งค้ายาสุดโหด ที่รังโจรนั้นก็ดันมาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านขายไก่ทอดที่กำลังจะเจ๊งซะอย่างนั้น ด้วยความที่ไม่อยากเสียทำเลทองไปพวกเขาจึงจำใจเซ้งร้านต่อแล้วมาขายไก่ทอดบังหน้ามันซะเลยละกัน แต่ดูเหมือนว่ากิจการไก่ทอดจะไปได้ดีว่าหน้าที่การงานจริงๆ ซะจนพวกเขาอาจจะต้องตัดสินใจแล้วว่า หรือพวกเขาจะไปได้ดีกับตำแหน่งราชาไก่ทอดกันแน่
และนี่ก็คือเรื่องย่อสุดกาวแบบคร่าวๆ ของภาพยนตร์เกาหลีใต้สุดฮอตอย่าง ‘Extreme Job’ ที่เปิดตัวแรงสุดๆ ด้วยการทำลายสถิติเป็นภาพยนตร์ที่มียอดผู้ชมจำนวนกว่า 2 ล้านคน ภายในเวลาเพียงแค่ 3 วัน จนเกิดเป็นกระแส Talk of the Town ในเกาหลีไปแล้วในช่วงต้นปี 2019 ที่ผ่านมานั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์มาแรงของปีนี้เลยก็ว่าได้
โดยรวมแล้วตัวหนังมีความเป็นแอ็กชัน – คอมเมดี้ ที่ใส่ความเป็นตลกร้ายสไตล์หนังเกาหลีเอาไว้หนักมากกกกก ทั้งความขี้แซะ จิกกัด เสียดสีไปมาระหว่างตัวละครด้วยกันเอง ยันตัวหนัง(หรือผู้กำกับ) ที่ทั้งเหน็บแนมและจิกแซะระบบราชการตำรวจและสังคมเกาหลีใต้ซะจนพรุนไปหมด เรียกได้ว่าในส่วนของบทนั้นมีความดุเด็ดเผ็ดมันสไตล์เกาหลีแซ่บ ๆ ทำเอาคนดูสามารถดูได้เรื่อยๆ เพลินๆ แบบไม่มีสะดุดเพราะบทเขาสุดจริงอะไรจริง
สิ่งสำคัญที่สุดคงจะเป็นใจความสำคัญของหนัง ที่ผู้กำกับขยี้ประเด็นด้วยการจั่วหัวตั้งคำถามกับคนดูตั้งแต่ต้นเรื่องว่า ‘ความล้มเหลวที่มีเกียรติ และความสำเร็จที่น่าอาย’ อะไรคือสิ่งที่คุณจะเลือกถ้าต้องตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับพวกเขาเหล่านั้น? ซึ่งมันเป็น Message ที่ค่อนข้าง Touch กับความรุ้สึกของกลุ่มคนดูส่วนใหญ่ กับยุคปัจจุบันที่ชีวิตถูกกำหนดด้วยบทบาทและเงื่อนไขทางสังคมมากมาย จนหลายๆ ครั้งที่เราก็ต้องเลือกปากท้องมากกว่าความฝัน ไม่ต่างอะไรกับตัวละครในหนังเรื่องนี้ ซึ่งตัวหนังสามารถทำให้เราคนดูเชื่อได้จริงๆ ว่าชีวิตของตัวละครหลักเหล่านั้นช่างบัดซบซะจนเราเองก็แอบรู้สึกตามไปเหมือนกันว่า “ถ้าต้องเจองานแบบนี้ไปขายไก่ทอดยังดีซะกว่า” แถมมุกตลกร้ายหรือความวายป่วงทั้งหลายที่ใส่ลงไปในหนัง มันทำให้เราขำก๊ากได้ในตอนแรก จากนั้นพอเรารู้สึกตัวอีกทีความตลกนั้นก็ทำเอาหัวใจเจ็บจี๊ดขึ้นมาได้เหมือนกัน งานนี้สรุปแบบสั้นๆ ได้ใจความเลยว่า “กลมกล่อม ครบรส อูมามิมากเลยจ้ะ”