รีวิวหนัง Slyth The Hunt Saga (2023) สลิธ โปรเจกต์ล่า ภาพยนตร์แอ็คชั่นไซไฟเรื่องใหม่ที่เกี่ยวกับสัตว์ประหลาดที่เป็นของผู้กำกับ ปัญจพงศ์ คงคาน้อย จาก 7Days เรารักกัน จันทร์-อาทิตย์ (2018) ที่มีนักแสดงนำอย่าง มุกดา นรินทร์รักษ์ มารับบทเป็น ซี ,อิชิคาว่า พลาวเด้น มารับบทเป็น เนม ,ภีมพล พาณิชย์ธำรง มารับบทเป็น เอส,ศุภัคชญา สุขใบเย็น มารับบทเป็น เฟรม,ภัทรพสิษฐ์ ณ สงขลา,กฤษณพงศ์ สุนทรชัชเวช และ พศุตม์ บานแย้ม
หลังจากไฟป่ามรณะลุกลามโลกและเต็มไปด้วยมลพิษ สังคมก็จวนจะล่มสลายและเต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ความหวังเดียวที่ดูเหมือนจะมีอยู่ในตำนานที่มีชีวิต: ความหวังของ Slyth สัตว์เลื้อยคลานที่สามารถปลอมตัวเป็นมนุษย์และมีเลือดที่สามารถรักษาโรคได้ การตามล่ากำลังดำเนินอยู่
ตัวหนังจะเล่าถึง เนม ชายหนุ่มปริศนาที่มีอาการความจำเสื่อม เพราะถูกรถตู้ของ ซี และเพื่อนๆ ของเธอ เอส นิกกี้ เฟรม เสียหลักพุ่งเข้าชนอย่างจัง ทุกคนต่างอยู่ในสภาพช็อก จึงรีบพาชายหนุ่มปริศนาผู้นี้กลับมาพักรักษาตัวที่บ้านของซี ด้วยความใกล้ชิด ของทั้งคู่ ซีก็ได้สังเกตว่าบาดแผลตามร่างกายของเนมหายเป็นปกติในเวลาอันรวดเร็ว มิหนำซ้ำยังแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป ซีสงสัยว่า เนมอาจไม่ใช่มนุษย์ หรือว่าเขาอาจเป็น SLYTH ซึ่งมันตรงกับตำนานที่ว่าใครได้รับเลือดของ SLYTH ก็จะช่วยรักษาโรคร้าย ยื้อได้แม้ กระทั่งความตาย และเป็นอมตะ ข่าวลือที่ว่า SLYTH ได้ปรากฏตัวบนโลกก็แพร่สะพัด จึงทำให้เนมตกเป็นเป้าหมายจากการตามล่า ยิ่งเนมฟื้นความทรงจำได้มากเท่าไหร่ ภารกิจการไล่ล่า SLYTH ยิ่งเพิ่มความอันตรายให้ทั้งซีและเนมมากขึ้น สงครามแห่งการไล่ล่า กำลังจะอุบัติ หรือ ความรักจะอยู่เหนือปรากฏการณ์หายนะครั้งนี้